อธิษฐานและอ่านพระคัมภีร์กับพี่สาวทาบิธาและเกรซ: มาระโก 4:1-41

1 month ago
90

พระเยซูตรัสสอนประชาชนเป็นคำอุปมา แล้วค่อยมาอธิบายให้เหล่าสาวกฟัง จากนั้นลงเรือข้ามฟากแต่เรือก็พบกับพายุใหญ่ พระเยซูจึงทรงห้ามลมแล้วลมพายุก็สงบลง ฮาเลลูยา
ดูเหมือนว่าคำอุปมาเรื่องผู้หวานพืชจะเป็นพื้นฐานสำคัญของการเข้าใจในคำอุปมาของพระเยซู พระเยซูจึงบอกว่า ถ้าไม่เข้าใจคำอุปมาเรื่องนี้ ก็ยากที่จะเข้าใจเรื่องอุปมาอื่นๆได้ หัวใจสำคัญของคำอุปมานี้ก็คือ ถ้าได้ยินแล้ว ไม่ลงมือทำตามอย่างจริงจัง สิ่งที่ได้ยินทั้งหมดก็ไร้ค่า
ขณะที่เรือเจอพายุรุนแรง พระเยซูนอน "หนุนหมอน" อยู่ท้ายเรือ คือพระเยซูไม่ได้เผลอหลับไป แต่พระองค์จงใจนอนเลยทีเดียว เพราะพระองค์รู้ดีว่า อะไรกำลังจะเกิดขึ้นและพระองค์รู้ว่า พายุนั้น จะไม่ทำอันตรายพวกเหล่าสาวก เพียงแต่จะพัฒนาความเชื่อของพวกเขาเท่านั้น
แต่ปรากฏว่า พวกเหล่าสาวกนั้นสอบไม่ผ่านในครั้งนี้ พวกเขาไม่เชื่อใจในพระเยซู พวกเขาเลือกที่จะเชื่อว่า พระเยซูไม่ห่วงพวกเขาแล้ว พระเยซูไม่สนใจว่าพวกเขากำลังจะพินาศ ซึ่งความจริงไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย
วันนี้ก็เช่นกัน หากมีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเรา อาจดูเหมือนอันตรายเหลือเกิน แต่พระเยซูทรงรู้สถานการณ์นั้นดี และพระองค์ทรงดูแลสถานการณ์นั้นอยู่ เราผู้ที่มีพระเยซูอยู่ในเรือแห่งชีวิต เราจะปลอดภัยอย่างแน่นอน ไว้วางใจและเชื่อในพระองค์นะคะ
พี่น้องที่รัก สามารถนำถ้อยคำในพระธรรมมาระโกนี้ไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ เพื่อให้เกิดผลดีงามกับประชากรของพระองค์ "ไม่ต้องกลัวต่อสถานการณ์ ขอเพียงยึดความเชื่อในพระเยซูไว้ให้มั่น นั่นก็เพียงพอที่จะผ่านพ้นไปได้ อย่างมีชัยชนะ"
✝️✝️ ในบทนี้พระเยซูทรงสอนพวกเหล่าสาวกเป็นคำอุปมา เพื่อให้พวกเขามีความเชื่อ แล้วให้ความเชื่อนั้นสำแดงออกเป็นการกระทำที่สอดคล้องกับความเชื่อนั้น แต่ผลปรากฏว่า พอพวกเหล่าสาวกนั้นเจอกับพายุกลางทะเลเข้าจริงๆ สิ่งที่พวกเขาเคยเชื่อมานั้นกลับหายไปหมดเลยในพริบตา
✝️✝️ พระเยซูตรัสคำอุปมาเรื่องผู้หว่านพืชเพื่อชี้ให้เห็นว่า ไม่ใช่ทุกคนที่ได้ยินพระวจนะคำของพระเจ้าแล้ว จะเกิดผลเปลี่ยนแปลงต่อชีวิตของเขา
- บางคนได้ยิน แล้วก็ไม่สนใจเหมือนมีนกมาจิกเอาไปเสีย
- บางคนได้ยิน แล้วก็รับไว้ แต่ไม่เอาจริง พอทำตามสักหน่อยหนึ่งเพราะเห็นว่ายากเกินไปก็เลิก เหมือนพืชในดินที่หินเยอะ
- บางคนได้ยิน แล้วรับไว้ก็อยากเอาจริงอยู่ แต่ มีเรื่องมากมายที่ต้องสนใจมากกว่า แม้ไม่เลิกแต่ก็ไม่ได้ลงมือทำตามอย่างจริงจัง นั่นก็เหมือนพืชในพงหนาม
- บางคนได้ยินก็รับไว้ แล้วกระทำตามพระคำของพระเจ้าจึงเกิดผลอย่างมากมาย ตามขนาดของการกระทำตามนั้น เหมือนพืชในดินดี
การรู้ และการเชื่อพระคำของพระเจ้านั้นเป็นสิ่งที่ดียอดเยี่ยม แต่จะไร้ประโยชน์ หากเราไม่นำพระคำของพระเจ้านั้นมาใช้จริงๆ ในชีวิตประจำวันของเรา วันนี้!!! เราทำสิ่งตรงกันข้ามกับพระคำของพระเจ้าไปกี่อย่างแล้ว?
✝️✝️ พระเยซูตรัสเป็นคำอุปมาเพราะข้อความลับลึกแห่งแผ่นดินของพระเจ้าโปรดให้บางคนรู้ได้ืแต่บางคนไม่ให้รู้
คนที่ให้รู้ได้ก็คือ พวกเหล่าสาวก ผู้ที่ได้ยินแล้วเชื่อ ด้วยความเชื่อพวกเขาจึงปรารถนาจะเข้าใจ พวกเขามาถามพระเยซูแล้วพระองค์จึงอธิบายให้ฟัง
ส่วนคนที่ไม่ให้รู้ก็คือ คนทั้งหลายพูดได้ยินแต่ไม่เชื่อ จึงไม่สนใจ จึงไม่เข้าใจต่อไป
วันนี้!!!พระเจ้าทรงเปิดเผยความล้ำลึกแห่งสวรรค์ไว้ในพระวจนะคำของพระเจ้าแล้ว เราจะตอบสนองอย่างไร?
ตอบสนองด้วยความเชื่อ จนสนใจ แล้วทูลขอพระองค์ประทานความเข้าใจให้มากขึ้น หรือ ตอบสนองด้วยความไม่เชื่อ จึงไม่สนใจ จึงไม่อ่าน จึงไม่ฟัง และจึงไม่ใส่ใจ
✝️✝️ พระเยซูทรงสอนว่า ถ้าเป็นตะเกียงที่มีแสงสว่างจริง จะส่องสว่างจนคนเห็นได้และเป็นพระพรต่อผู้คน
แต่คนที่เป็นตะเกียงที่เอาไปแอบๆซ่อนๆไว้ เพราะตนเองไม่มีแสงสว่าง แต่เที่ยวโฆษณาว่า ตนเองเป็นตะเกียงที่มีแสงสว่าง สักวันคนก็จะรู้ความจริงอยู่ดีว่า เขาเป็นคนไร้แสง
วันนี้!!! เราเป็นตะเกียงที่มีแสงหรือไม่ คนรอบข้างจะเป็นคนบอกได้ดีที่สุด
เราอาจมีเหตุผลมากมายที่จะบอกว่า ตอนนี้เขาไม่เห็นแสงของเราเพราะอะไรบางอย่าง เป็นเหมือนกับตะเกียงที่เอาไปซ่อนไว้แต่บอกว่า "ฉันเป็นตะเกียงมีแสงนะ" หากชีวิตของเราเป็นแสงสว่างจริง คนรอบข้างจะเห็นได้อย่างแน่นอน แล้วพวกเขาจะได้รับพระพรผ่านชีวิตของเรา
✝️✝️ พระเยซูทรงสอนว่า เมื่อเรากระทำแก่ผู้อื่นอย่างไร เราจะได้รับสิ่งนั้นกลับคืนมามากกว่าที่เราทำไปเสียอีก
คนที่มีน้ำใจ มีแล้วแบ่งปันให้กับคนอื่นก็จะยิ่งมีมากขึ้น คนที่ไม่มีน้ำใจ ไปเอาของคนอื่นมา ที่เขามีอยู่นั้นก็จะถูกเอาไปเสียสิ้น เหมือนอย่างที่ทำกับคนอื่นไว้ แต่จะหนักยิ่งกว่า
เมื่อคิดจะทำสิ่งที่ดี จงทำอย่างเต็มกำลัง เพราะพระเจ้าจะเป็นผู้ตอบแทนเราอย่างเต็มที่
เมื่อคิดจะทำชั่ว โปรดจงหยุดยั้งตัวเองอย่างสุดกำลัง เพราะพระเจ้าจะทรงลงโทษเราอย่างเต็มขนาด และหนักยิ่งกว่าเราได้กระทำเสียอีก
✝️✝️ พระเยซูทรงสอนว่า แผ่นดินของพระเจ้าจะค่อยๆเติบโตขึ้น แบบไม่รู้ตัว เมื่อรู้ตัวอีกทีก็ได้เวลาเก็บเกี่ยวแล้ว
เรื่องฝ่ายวิญญาณจะเกิดขึ้นและพัฒนาขึ้นในชีวิตของเรา แบบไม่รู้ตัว แต่พอเวลาผ่านไปนานพอสมควร เราจะเห็นผลของการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนั้นได้อย่างชัดเจน
วันนี้!!! พระเจ้ากำลังเปลี่ยนแปลงชีวิตของเรา แม้เรายังไม่เห็น หรือยังไม่เป็นที่พอใจของเรามากนัก โปรดให้เรายังคงสัตย์ซื่อเดินติดตามพระเจ้าต่อไป และในเวลาก่อนที่เราจะทันรู้ตัว เราเองจะพบว่า เรา ได้รับการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากแล้วทีเดียว
✝️✝️ พระเยซูทรงสอนว่า แผ่นดินของพระเจ้าตอนเริ่มต้นอาจดูเล็กน้อย แต่เมื่อเวลาผ่านไปพอสมควร จะพบว่า เป็นสิ่งใหญ่โตและเป็นพระพรต่อผู้คนอย่างมากมาย
วันนี้!!! เราอาจเป็นเพียงผู้เล็กน้อยไม่สำคัญในสายตาของใครต่อใคร แต่หากเราสัตย์ซื่อเดินติดตามพระเจ้าต่อไป ในเวลาไม่ช้านาน เราจะกลายเป็นพระพรยิ่งใหญ่ต่อคนที่อยู่รอบข้างเรา

Loading comments...