Premium Only Content
ถ้าคนรู้ความจริงเรื่องนี้มากขึ้น...
“ถ้าคนรู้ความจริงเรื่องนี้มากขึ้น ร้านขายยาจะอยู่ในธุรกิจไม่ได้อีกต่อไป”
แด่คนที่กำลังป่วย ทั้งทางกายและทางใจอยากให้เพื่อนได้อ่านแล้วนำไปใช้ในชีวิตประจำวันด้วย เป็นผลงานของ ดร.บรู๊ซ ลิปตัน นักวิทยาศาสตร์ชั้นแนวหน้าด้านสเต็มเซล สิ่งที่เขาค้นพบเมื่อ 20 กว่าปีมาแล้วนั้นตรงกันกับสิ่งที่พระพุทธเจ้าสอน นั่นก็คือความสำคัญของจิตที่จะมีผลต่อการรักษาร่างกาย เขายืนยันว่าสิ่งที่เขาค้นพบนั้น จะทำให้ธุรกิจยาล้มละลายขายยาไม่ได้อีกต่อไป มันเป็นหลักการทางวิทยาศาสตร์ที่ผ่านการพิสูจน์มาแล้ว จนกลายมาเป็นวิชาใหม่ที่มีชื่อเรียกว่า Epigenetics เป็นเรื่องของการค้นพบว่า มีเส้นทางเดินของโมเลกุลที่เชื่อมต่อกันระหว่างจิตใจกับร่างกาย เขาสามารถพิสูจน์ให้เห็นตามหลักการทางวิทยาศาสตร์ว่า จิตใจคือสิ่งที่ควบคุมร่างกายของเรา ซึ่งในเวลาต่อมาได้มีเอกสารงานวิจัยของท่านอื่นๆมารับรองด้วย
ดร.ลิปตันบอกว่า กว่าวิทยาศาสตร์จะมายอมรับ และเข้าใจในเรื่องที่เขาค้นพบต้องใช้เวลาถึง 20 ปี นั่นก็คือ Epigenetics เราสามารถรักษาร่างกายของเราเองได้โดยไม่ต้องใช้ยา ถ้าเราเข้าใจมันได้จนสามารถนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ได้จริง เราก็ไม่จำเป็นที่จะต้องพึ่งพายารักษาโรคอีกต่อไป โรงงานผลิตยา/ธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดของโลกก็จะต้องมีอันปิดตัวลงโดยสิ้นเชิง สิ่งที่ดร.ลิปตันวิจัยเรื่องนี้จนได้ผลออกมาว่า ผลดีจากการใช้ยามาจาก"ความเชื่อ"ที่ว่า "คุณกำลังได้รับยาชนิดพิเศษที่จะทำให้คุณหายจากอาการเจ็บป่วย" เมื่อคุณมี "ความเชื่อ" คุณได้กินยาตัวนี้เข้าไป "คุณก็จะหาย" ทั้งๆที่คนไข้คนนั้นได้รับยาหลอกที่ทำมาจากลูกอมธรรมดาๆ เป็นที่รู้จักกันในนาม Placebo Effects นั่นเอง การหายจากการเจ็บป่วย อันที่จริงแล้วมันไม่ใช่มาจากยาใดๆทั้งสิ้น แต่เป็นเพราะร่างกายของคนเรามีความสามารถในการรักษาตนเองอยู่แล้ว คนส่วนใหญ่ที่ไปพบแพทย์ ไปรักษาตัวที่รพ.จ่ายเงินค่ารักษาไป โดยที่ไม่รู้ว่าตนเองต่างหากที่รักษาตนเองให้หาย หาใช่ยาหรือหมอคนใด ในขณะเดียวกัน คนที่ไม่หายแล้วตายไปก็มีมากมาย ก็หาใช่จากความล้มเหลวของแพทย์หรือใช่การไม่มียารักษาไม่ แต่เป็นเพราะตนเองนั่นแหละสั่งให้ตนเองป่วยต่อไปหรือให้ตนเองตาย
ยาที่แพทย์จ่ายมาให้เราจึงช่วยเพียงแค่แก้ไขอาการชั่วคราว เพียงแต่เราทำเป็นโง่ หรือไม่ก็หลอกตนเองทำเป็นไม่รู้ว่า สาเหตุของการเจ็บป่วยของเรายังไม่ได้รับการแก้ไขด้วยยาเหล่านี้ ข้อดีของยาพวกนี้ก็คือทำให้ร่างกายของเราดีขึ้นจากอาการเจ็บทันที ส่งผลให้จิตใจของเราดีขึ้น แถมนึกว่าเราหายแล้วอีกต่างหาก เราก็เลยหายป่วยไปโดยปริยาย งานวิจัยที่ดร.ลิปตันทำมาจึงได้บทสรุปออกมาว่า ความคิดของคุณคือตัวกำหนดความเป็นไปของชีวิตของคุณ ทั้งความคิดที่เป็นบวกและความคิดที่เป็นลบ สุขภาพร่างกายของคุณจึงมาจากความคิดของคุณเองทั้งสิ้น ถ้าเราคิดเป็น เราจะไปรีโปรแกรมกลไกการทำงานของระบบในร่างกาย ลึกลงไปถึงในระดับยีนเลยทีเดียว พูดง่ายๆว่าเราสามารถเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของตนได้ผ่านความคิด ดร.ลิปตัน ยังบอกว่าสิ่งที่เราจะต้องให้ความสำคัญกับ Nocebo Effects นั่นคือความคิดที่เป็นลบ ที่มีอิทธิพลมากมายกับชีวิตของเรา คนเราทุกวันนี้ใช้ชีวิตในความคิดลบ 70% คิดบวก 30% นี่คือเหตุผลที่ทำไมคนส่วนใหญ่จึงป่วย ไม่สบาย ไม่มีเงิน ขัดสน นั่นเป็นเพราะเราสั่งจิตของเราทุกวี่ทุกวันให้เป็นไปตามที่จิตเราโปรแกรมไว้ งานวิจัยของเขาได้วิเคราะห์เจาะลึกลงไปถึงการตรวจวิเคราะห์เซลและเนื้อเยื่อ และดูกลไกการเชื่อมต่อกันของจิตกับกาย ดูการเปลี่ยนแปลงถึงระดับยีน ทำให้เขาทราบว่า จิตมีอิทธิพลมากที่สุดสามารถดลบันดาลในสิ่งที่ร่างกายปรารถนาได้จริงๆ
กลับมาที่เรื่องของธุรกิจยา ดร.ลิปตันบอกว่า เหตุผลเดียวที่แพทย์และธุรกิจยาผู้กุมบังเหียนการรักษาพยาบาลไว้ทั้งหมด ปฏิเสธที่จะให้ความสนใจเรื่อง Epigenetics เป็นเพราะเขาไม่สามารถเอา"ความคิดที่เป็นบวก"มาใส่แค๊ปซูลขายได้ ถ้าเขาทำได้ ป่านนี้ก็จะมีการโปรโมทโฆษณากันยิ่งกว่ายาใดๆหน้าจอทีวี บริษัทยาคิดอยู่อย่างเดียวว่า จะผลิตยาอะไรดี ที่จะทำให้คนต้องกินยาตัวนี้ตัวนั้นไปตลอดชีวิต ไม่ว่าคนจะต้องตายจากการใช้ยาปีละเท่าไหร่ก็หาได้หยุดยั้งกลุ่มทรงอิทธิพลนี้ไม่และพวกเขาคือผู้ควบคุมตัวจริงของวิทยาศาสตร์การแพทย์ทั้งหลายทั้งปวง เราถึงกับทำสงครามต่อต้านยาเสพติด ที่มีคนตายปีละ 30,000 คน ใช้คำว่า War on Drugs เหมือนกันเลยกับบ้านเรา แต่มีใครรู้บ้างไหมว่า มีคนตายจากการใช้ยามากถึงปีละ 3 แสนคน แต่ไม่ยักกะมีใครให้ความสนใจที่จะเข้าไปสอดส่องและคิดว่ามันเป็นปัญหา ตายกันมากถึงปีละ 3 แสนคนมากกว่ายาเสพติดถึง 10 เท่าตัว เราควรจะปล่อยให้เป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ ใช่ไหม? ที่เป็นเช่นนี้เป็นเพราะอิทธิพลของบริษัทยาที่อยู่เหนือแพทย์นั่นเอง แพทย์คือคนขายยาให้โรงงานยา เขามีส่วนได้ส่วนเสียให้แก่กันและกัน ในแต่ละครั้งที่คุณไปพบแพทย์ แพทย์ก็จะขายยาให้คุณหรือไม่ก็ผ่าตัดคุณ แพทย์ขายยา Prozac ให้คุณทั้งๆที่รู้ว่ามันมีผลข้างเคียงเช่นไร หรือขายยา Statinให้คุณ ทั้งๆที่มีคนจะแย่ลงมากถึง 23%และจะดีขึ้นเพียง 3% พวกเขาก็ยังสามารถจัดการให้มีการสั่งจ่ายยานี้อย่างไม่หยุดยั้ง และอื่นๆอีกมากมายสุดจะประมาณได้
กลับมาเรื่องธรรมชาติโอสถ กันต่อ ดร.ลิปตันค้นพบว่า เราสามารถแก้ไขพันธุกรรมของเราได้ผ่านการเปลี่ยนแปลงที่จิตใจ ด้วยการคิดดี คิดเรื่องที่นำความสบายอกสบายใจมาให้ ไม่ปล่อยให้ตนเองตกอยู่ในห้วงของความหวาดกลัว ความเครียด ความกลัวจะสั่งให้เราตายได้อย่างง่ายดาย เมื่อเราคิดเป็น ร่างกายของเราก็จะสนองตอบต่อความคิดนั้นๆ แล้วสั่งการไปที่เซลให้ดำเนินตาม เราก็จะป่วยจริงๆและตายในที่สุด เป็นไปตามที่เราคิด และหวาดระแวง และหวาดกลัว ด้วยความคิดเหล่านี้เป็นกลไกไปสั่งการทำงานของเซลให้ทำตามทุกประการนั่นเอง มีคนอีกเท่าไหร่ที่เป็นเช่นนี้และตกอยู่ในสภาพนี้ คาดว่าไม่ต่ำกว่า 70% ของประชากรโลกเลยทีเดียว ดีที่ดร.ลิปตันได้ใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ทำการวิจัย จนได้ผลพิสูจน์ออกมาในสิ่งที่พระพุทธองค์ทรงสั่งสอน เสียแต่ว่าผลงานดังกล่าวยังไม่มีการระดมโปรโมทให้คนได้รู้ได้เชื่อได้ทำตาม ก็อย่างที่รู้ๆกันนะแหละว่า วงการแพทย์การรักษาพยาบาลตกอยู่ใต้อิทธิพลของบริษัทยาที่จะไม่มีวันยอมให้ประชาชนได้รู้เรื่องแบบนี้อย่างเด็ดขาด ด้วยบริษัทเหล่านี้คิดแต่จะเอากำไรจากความเจ็บป่วยของผู้คน การเรียนการสอนแพทย์ศาสตร์ถูกกำกับโดยพวกเขาทั้งสิ้น แพทย์จึงถูกฝึกฝนมาเพื่อขายยา ขายการใช้อุปกรณ์การแพทย์ให้กับบริษัทยา การให้ทุนการศึกษา การวิจัยต่างๆก็มาจากเม็ดเงินสนับสนุนจากบริษัทยาทั้งสิ้น เราจึงจำเป็นต้องขวนขวายศึกษาเพื่อดูแลตนเองให้ถูกทาง พระพุทธองค์ได้สอนให้พวกเราหมดแล้ว ที่เหลือคือความเชื่อที่จะเดินตาม แล้วพิสูจน์คำสอนนั้นด้วยตนเอง
บางทีบทความนี้ คลิปนี้ อาจจะไปจุดประกายให้คุณ หันมารักษาร่างกายและจิตใจของตนเองเสียใหม่ ล้างความคิดความเชื่อเดิมๆที่คุณถูกล้างสมองมา แล้วมาจัดระเบียบชีวิตกันใหม่ ขอให้สำเร็จตามที่ตนตั้งจิต สั่งจิต ดูจิตของตนให้คิดดี ทำดี เพื่อจะได้รับผลที่ดีๆตลอดไป
ดร.บรู๊ซ ลิปตัน Stem cell biologist, bestselling author of The Biology of Believe, recipient of the 2009 GOI Award. นักวิทยาศาสตร์ชั้นแนวหน้าด้านสเต็มเซล ค้นคว้าวิจัยเรื่องกลไกการทำงานของโมเลกุลที่ควบคุมพฤติกรรมของเซล molecular mechanisms controlling cell behaviors ถือเป็นต้นแบบของวิชาการด้านการพันธุกรรม Human Genetics Engineering
-
1:45:44
megimu32
6 hours agoON THE SUBJECT: Make 90s Movies Great Again
39.3K8 -
59:46
Man in America
12 hours agoAI mRNA Vaccines, Turbo Cancer & Blood Clots... What Could Go Wrong?! w/ Tom Haviland
31.6K14 -
1:09:15
Precision Rifle Network
1 day agoS4E3 Guns & Grub - Trump a new era for gun rights?
57.9K7 -
1:05:31
Glenn Greenwald
8 hours agoSection 702 Warrantless Surveillance Ruled Unconstitutional: Press Freedom Advocate Seth Stern Explains; The Rise of Unions & the Impact of Trump's Populism with Author Eric Blanc | SYSTEM UPDATE #395
96.8K90 -
1:01:13
The Amber May Show
6 hours ago $2.63 earnedWomen Of Rumble | Amber, Kelly and Wendy Wild
38.9K4 -
1:16:38
Josh Pate's College Football Show
8 hours ago $1.82 earnedCFP Title Viewership | JP Poll Under Attack | Bama & Oregon Season Grades | Most To Prove In 2025?
39.3K -
LIVE
VOPUSARADIO
13 hours agoPOLITI-SHOCK! "THE TIDE IS TURNING"! 3 SPECIAL GUESTS JOINING US TONIGHT!
244 watching -
52:47
Kimberly Guilfoyle
10 hours agoDismantling DEI Once and For All, Live with Tyler O’Neil & Eric Deters | Ep.190
92.9K32 -
1:34:59
Redacted News
10 hours agoBREAKING! TRUMP SIGNS ORDER TO RELEASE JFK FILES, CIA IS FURIOUS | REDACTED NEWS
218K396 -
1:36:09
Benny Johnson
11 hours ago🚨WATCH: President Trump Declassifies JFK, RFK, MLK Files LIVE Right Now in Oval Office, History Now
166K314