Premium Only Content
![FED ปีศาจการเงิน ตอนที่ 3/5](https://1a-1791.com/video/s8/1/s/r/C/a/srCak.qR4e-small-FED-35.jpg)
FED ปีศาจการเงิน ตอนที่ 3/5
ในปลายศตวรรษที่ 17 สงครามเก้าปีโหมกระหน่ำทั่วทวีปยุโรป เมื่อพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศสเผชิญหน้ากับประเทศที่เหลือของทวีปเรื่องการอ้างสิทธิเหนือดินแดนของพระองค์ พระเจ้าวิลเลี่ยมที่ 3 แห่งอังกฤษ พ่ายแพ้สงครามทางเรืออย่างยับเยิน ทรงให้ราชสำนักสร้างกองทัพเรืออังกฤษขึ้นใหม่ และมีเพียงปัญหาเดียวคือเงิน เงินกองทุนของรัฐบาลหมดไปกับการทำสงครามพร้อมกับเครดิตที่เหือดแห้งไป
วิลเลียม แพตเตอร์สัน นายธนาคารชาวสกอตแลนด์เสนอ "จัดตั้งบริษัทเพื่อให้รัฐบาลกู้ยืมเงิน ด้วยสิทธิในการออกธนบัตร" และในปี คศ. 1694 แนวคิดนี้ได้รับการปรับปรุงให้เป็นเงินกู้ 1.2 ล้านปอนด์ที่ ดอกเบี้ยร้อยละ 8 บวกค่าใช้จ่ายในการจัดการ 4,000 ปอนด์ และดำเนินการด้วยการตั้งธนาคารที่ชื่อว่าธนาคารแห่งประเทศอังกฤษหรือ BOE (Bank of England) เพื่อให้ดูเหมือนเป็นธนาคารของรัฐ แต่แท้จริงแล้วไม่ใช่ มันเป็นธนาคารที่ผู้ถือหุ้นเอกชนเป็นเจ้าของ ทำเพื่อผลกำไรส่วนตัว โดยมีกฎบัตรที่ออกโดยกษัตริย์อนุญาตให้สร้างเงินขึ้นมาจากความว่างเปล่า (ไม่ต้องมีหลักค้ำประกันแต่อย่างใด) ให้กษัตริย์กู้ยืม และสิ่งนี้ ได้กลายเป็นแม่แบบที่ปฏิบัติกันในประเทศต่างๆ ทั่วโลก ธนาคารกลางที่ควบคุมโดยเอกชน พิมพ์เงินออกมาให้รัฐบาลกู้ยืมโดยมีดอกเบี้ย เงินที่พิมพ์ออกมาจากความว่างเปล่า และอัญมณีที่อยู่ในมงกุฎของนายธนาคารระหว่างประเทศที่สร้างระบบนี้ก็คือสหรัฐอเมริกา มหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลกในอนาคต
ประวัติศาสตร์ของอเมริกาเป็นการต่อสู้ของประชาชนชาวอเมริกันกับนายธนาคารที่ต้องการควบคุมเงินของพวกเขา ในปี คศ. 1781 อเมริกาตกอยู่ในภาวะวิกฤตทางการเงิน The Continental ซึ่งเป็นสกุลเงินกระดาษที่ออกโดย Continental Congress เพื่อใช้ทำสงคราม ได้ทรุดตัวลงจากการพิมพ์ออกมามากเกินไปและการปลอมแปลงของอังกฤษ สภาคองเกรสหันไปพึ่งพ่อค้าเดินเรือผู้มั่งคั่ง โรเบิร์ต มอร์ริส ผู้ซึ่งถูกสอบสวนในข้อหาแสวงหาประโยชน์จากสงครามเมื่อสองปีก่อนหน้า แต่กลับกลายเป็นมีตำแหน่ง "ผู้กำกับดูแลการคลัง" ของสหรัฐตั้งแต่ปี คศ. 1781 ถึง 1784 และได้ชื่อว่าเป็นคนที่มีอำนาจมากที่สุดในอเมริการองจากนายพลวอชิงตัน
สภาคองเกรสซึ่งถูกบีบจากสงครามจนต้องยอมนายธนาคารเช่นเดียวกับกษัตริย์วิลเลียมในทศวรรษที่ 1690 ยอมให้ตั้งธนาคารแห่งอเมริกาเหนือ หรือ BNA (Bank of North America) เป็นธนาคารกลางแห่งแรกของประเทศเพื่อให้สภาคองเกรสกู้ยืมเงิน 1.2 ล้านดอลลาร์ เมื่อสิ้นสุดสงคราม มอร์ริสก็หลุดจากแวดวงการเมือง ประชาชนไม่เชื่อถือสกุลเงินของ BNA จน BNA ถูกลดระดับจากธนาคารกลางแห่งชาติเป็นธนาคารพาณิชย์ แต่นายธนาคารไม่ยอมแพ้ กลุ่มที่นำโดยอเล็กซานเดอร์ แฮมิลตัน พยายามก่อตั้งธนาคารกลาง แม้ถูกต่อต้านอย่างรุนแรง แฮมิลตันก็ยังคงก่อตั้งธนาคารกลางของสหรัฐอเมริกาตามแบบแผนของ BOE ได้สำเร็จในปี คศ. 1791 มื่อกฎบัตรของธนาคารถึงกำหนดต่ออายุในปี คศ. 1811 แฮมิลตันถูกยิงตายในการดวลปืนกับคู่อริ พรรคการเมืองที่หนุนธนาคารหมดอำนาจ ธนาคารกลางนั้นจึงปิดตัวลงในปี 1811 ไม่ถึงหนึ่งปีต่อมา อเมริกาทำสงครามกับอังกฤษอีกครั้ง ทำให้หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นเกือบสามเท่า การค้าหยุดชะงัก เงินเฟ้อสูง ประธานาธิบดีเจมส์ แมดิสัน ลงนามในกฎบัตรสำหรับการจัดตั้งธนาคารกลางแห่งใหม่ในปี คศ. 1816 ที่มีเอกชนเป็นเจ้าของส่วนใหญ่และผลิตเงินจากความว่างเปล่าให้รัฐบาลกู้ยืม
กฎบัตรธนาคารกลางที่จะหมดอายุในปี 1836 ถูกประธานาธิบดีแอนดรูว์ แจ็กสัน คัดค้านการต่ออายุ และได้รับเสียงสนับสนุนจากประชาชนจนเขาได้รับเลือกอีกครั้งจากสโลแกน "Jackson and No Bank!" นายธนาคารตอบโต้โดยสร้างวิกฤตทางการเงินและพยายามโยนความผิดไปที่แจ็คสัน แต่เขาก็ประสบความสำเร็จในการชำระหนี้ธนาคารได้ทั้งหมด เป็นครั้งแรกและครั้งเดียวในประวัติศาสตร์ที่สหรัฐอเมริกาหลุดพ้นจากห่วงโซ่หนี้ของนายธนาคาร ในปี 1836 กฎบัตรธนาคารกลางก็หมดอายุลง
เป็นเวลา 77 ปีก่อนที่นายธนาคารจะได้มงกุฎเพชรนั้นกลับคืนมา แต่ไม่ใช่เพราะไม่ได้พยายาม ทันทีที่ธนาคารกลางสิ้นสุดสถานะ บรรดาผู้มีอำนาจด้านการเงินการธนาคารในอังกฤษก็ตอบโต้ด้วยการลดการค้าและถอนทุนออกจากสหรัฐฯ เรียกชำระเงินทันทีสำหรับการส่งออกทั้งหมด และเข้มงวดด้านเครดิต ส่งผลให้เกิดวิกฤตการณ์ทางการเงินที่รู้จักกันในชื่อ Panic of 1837 และก็เป็นอีกครั้งที่แจ็คสันถูกป้ายสีว่าเป็นต้นเหตุของวิกฤต
ตลอดช่วงปลายศตวรรษที่ 19 สหรัฐอเมริกาสั่นคลอนจากความตื่นตระหนกด้านการธนาคารที่เกิดจากการเก็งกำไรทางการเงินและการหดตัวของสินเชื่ออย่างรุนแรง เมื่อเริ่มเข้าสู่ศตวรรษที่ 20 เงินจำนวนมากในระบบเศรษฐกิจของอเมริกาถูกรวมศูนย์ไว้ในมือของบรรดาเจ้าสัวกลุ่มเล็กๆ ที่แต่ละกลุ่มแทบจะผูกขาดในภาคส่วนใดส่วนหนึ่งของเศรษฐกิจ เช่นตระกูล Astors ในอสังหาริมทรัพย์ Carnegies และ Schwabs ในเหล็กกล้า Harrimans, Stanfords และ Vanderbilts ในทางรถไฟ Mellons และ Rockefellers ในน้ำมัน ตระกูลเหล่านี้สะสมความมั่งคั่งและมุ่งไปที่ภาคการธนาคารด้วยการสร้างเครือข่ายที่มีศูนย์กลางอยู่ที่คนเพียงคนเดียวในยามที่ไม่มีธนาคารกลาง นั่นคือ เจ พี มอร์แกน
มอร์แกนเป็นผู้จัดหาเงินทุนให้กับ New York Central Railroad มอร์แกนคือผู้ที่ให้เงินสนับสนุนการก่อตั้งบริษัทยักษ์ใหญ่เกือบทุกแห่งในยุคนั้น รวมทั้ง AT&T, General Electric, General Motors และ DuPont มอร์แกนคือผู้ซื้อกิจการเหล็กกล้าจาก Carnegie และตั้งเป็น United States Steel Corporation เป็นบริษัทมูลค่าพันล้านดอลลาร์แห่งแรกของอเมริกา มอร์แกนคือนายหน้าที่ทำข้อตกลงกับประธานาธิบดีโกรเวอร์ คลีฟแลนด์ เพื่อรักษาระดับทองคำสำรองของประเทศด้วยการขายทองคำมูลค่า 62 ล้านดอลลาร์ให้กับกระทรวงการคลังแลกกับพันธบัตรรัฐบาล และในปี 1907 (พศ. 2450) มอร์แกนก็เป็นผู้กำหนดความเคลื่อนไหวของวิกฤตที่นำไปสู่การก่อตั้งธนาคารกลางสหรัฐฯ คือ Federal Reserve หรือ FED ในปัจจุบัน
ในปี 1907 นั้น มอร์แกนกระจายข่าวลือเกี่ยวกับการเงินที่ไม่มั่นคงของบริษัทนิกเกอร์บอกเกอร์ทรัสต์ ซึ่งเป็นคู่แข่งของมอร์แกนและเป็นหนึ่งในสถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกาขณะนั้น วิกฤตที่เกิดขึ้นซึ่งเรียกว่า Panic of 1907 ทำให้ระบบการเงินของสหรัฐฯ สั่นคลอนอย่างหนัก มอร์แกนตั้งตนเป็นฮีโร่ เสนอตัวช่วยรับประกันธนาคารและบริษัทที่ล้มลุกคลุกคลาน รัฐสภาได้ตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบการใช้อำนาจทางการเงินนำพาประเทศไปสู่หายนะ ประชาชนติดตามประเด็นนี้อย่างใกล้ชิดและได้พบว่ามีนายธนาคารที่มีบทบาทหลักในปฏิบัติการนั้น ซึ่งรวมถึง พอล วอร์เบิร์ก, เบนจามิน สตรอง จูเนียร์ และ เจ พี มอร์แกน
-
34:23
BonginoReport
2 hours agoMedia Exposed as Government-Funded Propaganda Machine (Ep.134) - 02/06/2025
19.2K65 -
LIVE
Vigilant News Network
15 hours agoThe Most Devastating COVID Jab Report So Far | The Daily Dose
1,180 watching -
1:29:45
Game On!
15 hours ago $3.08 earnedPresident Trump makes NFL HISTORY! Make the Super Bowl Great Again!
13K2 -
9:17
Dr. Nick Zyrowski
1 day ago4 Steps To Lose Fat Naturally Without Exercise
38.1K5 -
13:10
This Bahamian Gyal
15 hours agoLooking For A Job in 2025: 10 RED FLAGS To Watch Out For
23.8K6 -
17:41
IsaacButterfield
1 day ago $2.27 earnedInsane Woke TikTok Returns Crazier Than Ever!!
16K11 -
8:21
Mally_Mouse
13 hours agoPresident Trump - Week #2
12.3K18 -
5:23
BIG NEM
14 hours agoWhat Is Jollof Rice? West Africans Explain the Magic Behind It!
9.4K5 -
59:37
Trumpet Daily
22 hours ago $7.36 earnedTrump Turns Two Weeks Into Two Years’ Worth of Action - Trumpet Daily | Feb. 5, 2025
44.9K57 -
54:17
PMG
13 hours ago $0.84 earned"AJ Rice Unfiltered: The Left, the Woke Agenda, and the Death of Humor"
22.6K